Total Views: 1,989Daily Views: 4
แยกค่าใช้จ่าย HS

สัญญาเพิ่มเติม การประกันภัยสุขภาพแบบแยกค่าใช้จ่าย (Hospital and Surgical Benefit Health Rider) ของ เมืองไทยประกันชีวิต เป็นรูปแบบประกันสุขภาพดั้งเดิม (Traditional Health Insurance) ที่ยังได้รับความนิยม โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการเบี้ยประกันที่เข้าถึงง่าย

ประกันสุขภาพแยกค่าใช้จ่าย เมืองไทยประกันชีวิต ทางเลือก เบี้ยถูก คุ้มครองผู้ป่วยใน IPD ครบตามหมวด

  •  ประกันสุขภาพแยกค่าใช้จ่าย เมืองไทยประกันชีวิต
  •  ประกัน IPD แยกค่าใช้จ่าย, เบี้ยถูก, ประกันสุขภาพดั้งเดิม, ค่าห้องต่อวัน, ไม่ต้องสำรองจ่าย

1. ข้อมูลโดยละเอียด

สัญญาเพิ่มเติมการประกันภัยสุขภาพแบบแยกค่าใช้จ่าย เป็นสัญญาเพิ่มเติมที่ให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลกรณีเป็นผู้ป่วยใน (IPD) โดยมีการกำหนดวงเงินสูงสุดสำหรับค่าใช้จ่ายในแต่ละหมวดไว้อย่างชัดเจน (ไม่เหมือนแบบเหมาจ่ายที่ให้วงเงินรวมก้อนเดียว)

หมวดค่าใช้จ่ายหลัก (ตัวอย่าง แผน 5,000 บาท) วงเงินสูงสุดที่เบิกได้ (ต่อการเข้าพักรักษาตัวครั้งใดครั้งหนึ่ง)
ค่าห้อง ค่าอาหาร ค่าบริการพยาบาลประจำวัน สูงสุด 5,000 บาท/วัน (สูงสุด 120 วัน/ครั้ง)
ค่าห้อง ICU 2 เท่าของค่าห้องปกติ (สูงสุด 7 วัน)
ค่าแพทย์ผ่าตัด และหัตถการ สูงสุด 100,000 บาท (ตามตารางผ่าตัด)
ค่าแพทย์ตรวจรักษาในโรงพยาบาล มีวงเงินต่อวัน (ขึ้นอยู่กับแผน)
ค่ารักษาพยาบาลทั่วไป (ค่ายา, เวชภัณฑ์, ห้องปฏิบัติการ ฯลฯ) มีวงเงินรวมตามที่กำหนด
ค่ารักษาพยาบาลฉุกเฉิน (ผู้ป่วยนอกเนื่องจากอุบัติเหตุ) มีความคุ้มครอง (ตามเงื่อนไขกรมธรรม์)
อายุรับประกัน ประมาณ 6 ปี (ต่ออายุได้ถึง 80 ปี หรือ 81 ปี แล้วแต่แผน)
การเคลม มีบริการ ไม่ต้องสำรองจ่าย (Cashless) ณ โรงพยาบาลคู่สัญญา
เงื่อนไขสำคัญ เป็นสัญญาเพิ่มเติม ต้องแนบกับกรมธรรม์ประกันชีวิตหลัก

2. จุดเด่นของแบบประกัน

  1. เบี้ยถูก เข้าถึงง่าย: เป็นแบบ ประกันสุขภาพดั้งเดิม ทำให้เบี้ยประกันภัยเริ่มต้นไม่สูงมากนัก เหมาะสำหรับผู้ที่มีงบประมาณจำกัด หรือเพิ่งเริ่มต้นทำประกันสุขภาพ
  2. กำหนดค่าห้องได้ตามต้องการ: สามารถเลือกวงเงิน ค่าห้องต่อวัน ได้ตามงบประมาณและโรงพยาบาลที่คาดว่าจะเข้ารับการรักษา
  3. ครอบคลุม IPD เป็นหลัก: คุ้มครองค่าใช้จ่ายผู้ป่วยในครบตามหมวดสำคัญ (ค่าห้อง, ค่าแพทย์, ค่าผ่าตัด)
  4. ความสะดวกในการเคลม: มีบริการ ไม่ต้องสำรองจ่าย สำหรับค่าใช้จ่ายผู้ป่วยใน ณ โรงพยาบาลคู่สัญญา

3. ทำไมถึงควรเลือกแบบค่ารักษาตัวนี้

  • เน้นความคุ้มครอง IPD ในราคาประหยัด: หากคุณมีสวัสดิการ OPD จากที่ทำงานอยู่แล้ว และต้องการเพียงความคุ้มครอง IPD แยกค่าใช้จ่าย เพื่อรองรับค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่เมื่อต้องนอนโรงพยาบาลเท่านั้น แบบแยกค่าใช้จ่ายจะตอบโจทย์เรื่องเบี้ยที่ เบี้ยถูก กว่าแบบเหมาจ่ายมาก
  • มีสวัสดิการอื่นรองรับส่วนต่าง: เหมาะสำหรับผู้ที่มีประกันกลุ่มที่มีวงเงินสูงพอสมควร หรือมีสิทธิพื้นฐาน (เช่น ประกันสังคม) และต้องการ ประกันสุขภาพแยกค่าใช้จ่าย เมืองไทยประกันชีวิต เป็นส่วนเสริม (Top-up) สำหรับค่าห้องและค่ารักษาพื้นฐาน
  • วางแผนงบประมาณได้ชัดเจน: เนื่องจากวงเงินถูกแยกตามหมวด ทำให้ผู้ซื้อสามารถประเมินค่าใช้จ่ายสูงสุดที่บริษัทจะจ่ายในแต่ละรายการได้อย่างชัดเจน

4. เหมาะกับใคร กลุ่มเป้าหมายคือใคร

  1. ผู้ที่มีงบประมาณจำกัด: และต้องการความคุ้มครอง IPD เป็นหลัก โดยยอมรับได้ว่าอาจมีค่าใช้จ่ายส่วนเกินเกิดขึ้นหากค่ารักษาพยาบาลสูงกว่าวงเงินที่กำหนดในแต่ละหมวด
  2. มนุษย์เงินเดือนที่มีสวัสดิการพื้นฐาน: ต้องการ ประกันสุขภาพดั้งเดิม ที่ เบี้ยถูก เพื่อเป็นแผนสำรองหรือแผนเสริมจากสวัสดิการบริษัทที่มีวงเงินต่ำ
  3. ผู้ที่ต้องการเลือกค่าห้องเอง: ต้องการกำหนดวงเงิน ค่าห้องต่อวัน ให้เหมาะสมกับโรงพยาบาลใกล้บ้านหรือโรงพยาบาลที่สะดวกเข้ารับการรักษา

5. มีประกันอื่นอยู่แล้ว ทำไมควรมีแบบ แยกค่าใช้จ่าย อีก 1 ฉบับ

  • เสริมความคุ้มครอง IPD หลัก:
    • มีประกันกลุ่ม/สวัสดิการ: สวัสดิการบริษัทมักมีวงเงินจำกัด การมี ประกัน IPD แยกค่าใช้จ่าย เป็นการเพิ่มวงเงิน ค่าห้องต่อวัน และค่ารักษาสำคัญ ๆ เช่น ค่าผ่าตัด ให้สูงขึ้นโดยใช้เบี้ยไม่แพง
    • มีประกันออมทรัพย์/ลดหย่อนภาษี (แบบไม่มีสุขภาพ): การซื้อสัญญาเพิ่มเติมสุขภาพแบบแยกค่าใช้จ่ายแนบเข้าไป จะทำให้กรมธรรม์นั้นมีฟังก์ชันคุ้มครองสุขภาพ IPD และสามารถนำเบี้ยส่วนสุขภาพไป ลดหย่อนภาษี ได้อีกด้วย
  • ทางเลือกเมื่อทำเหมาจ่ายไม่ได้: ในบางกรณีที่ผู้ขอเอาประกันภัยมีประวัติสุขภาพที่ไม่ดีนัก การซื้อ ประกันสุขภาพแยกค่าใช้จ่าย เมืองไทยประกันชีวิต อาจเป็นทางเลือกที่บริษัทพิจารณาได้ง่ายกว่าแบบเหมาจ่ายวงเงินสูง

6. ความเห็น/Feedback ของลูกค้า

ลูกค้าที่ใช้ ประกันสุขภาพแยกค่าใช้จ่าย ของ เมืองไทยประกันชีวิต มักแสดงความคิดเห็นในประเด็น:

  • ความประทับใจ:
    • เบี้ยถูก: ส่วนใหญ่พอใจที่เบี้ยประกันไม่สูงมาก ทำให้สามารถทำประกันสุขภาพไว้ได้โดยไม่เป็นภาระทางการเงิน
    • เคลมง่ายสำหรับเคสที่ไม่หนัก: ในการเจ็บป่วยที่ค่าใช้จ่ายไม่เกินวงเงินที่กำหนดในแต่ละหมวด จะเคลมได้ง่ายและมีการบริการ ไม่ต้องสำรองจ่าย ที่ดี
  • ข้อควรพิจารณา:
    • กังวลเรื่องส่วนเกิน: บางรายมีความกังวลเมื่อต้องเข้ารับการรักษาพยาบาลที่ซับซ้อนและมีค่าใช้จ่ายสูงมาก เพราะอาจต้องจ่ายค่าส่วนเกิน (Excess Payment) ที่เกินกว่าวงเงินในแต่ละหมวดเอง

แยกค่าใช้จ่าย HS
แยกค่าใช้จ่าย HS
แยกค่าใช้จ่าย HS
แยกค่าใช้จ่าย HS

จากภาพนี้ลงไปจะเป็นข้อมูลรุ่นเดิมปัจจุบันปิดการขายแล้ว ข้อมูลลงไว้สำหรับลูกค้าที่มีแผนสุขภาพรุ่นนี้
รุ่นเดิมก่อนปี 2564 สัญญาเพิ่มเติมการประกันภัยสุขภาพแบบแยกค่าใช้จ่าย และแบบวีไอพี

Total Views: 1,989Daily Views: 4

สัญญาเพิ่มเติมการประกันภัยสุขภาพแบบแยกค่าใช้จ่าย และแบบวีไอพี

บาดเจ็บหรือเจ็บป่วยก็สบาย รับมือง่าย ไม่ต้องสำรองจ่าย

บริหารค่าใช้จ่ายการรักษาในโรงพยาบาล ด้วยสวัสดิการแยกค่าใช้จ่าย เบี้ยถูก เสริมเพิ่มเติมจากสวัสดิการที่มีอยู่ เดิม มีมากดีกว่ามีน้อย มีน้อยดีกว่าไม่มี เกิดเหตุไม่คาดฝันเข้ารับการรักษา จะได้มีทางเลือกใช้บริการ และไม่กระทบกับเงินเก็บในกระเป๋า

จุดเด่น
รับค่าห้อง ค่าอาหาร ค่าบริการพยาบาล สูงสุดถึง 5,000 บาทต่อวัน (120วัน/ ครั้ง)
รับค่าแพทย์ผ่าตัด สูงสุดถึง 100,000 บาท*
ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลฉุกเฉิน สำหรับผู้ป่วยนอกเนื่องจากอุบัติเหตุ
(ตัวอย่างแบบแยกค่าใช้จ่าย แบบ 5,000)

1. ค่าห้อง ค่าอาหาร ค่าบริการพยาบาลประจำวันต่อวัน / (ไอ.ซี.ยู.) จะเป็น 2 เท่า โดยจะจ่ายให้สูงสุดไม่เกิน 7 วัน
2. ค่าแพทย์ตรวจรักษาในโรงพยาบาล
3. ค่าแพทย์ผ่าตัดและหัตถการ
4. ค่าแพทย์วิสัญญี
5. ค่าห้องผ่าตัดและอุปกรณ์ในห้องผ่าตัด
6. ค่ารักษาพยาบาลฉุกเฉินขณะเป็นผู้ป่วยนอก (เนื่องจากอุบัติเหตุ) ภายใน 24 ชั่วโมงนับจากเวลาที่เกิดอุบัติเหตุ
7. ค่ารักษาพยาบาลอื่นๆ
– ค่ายาและสารอาหารทางเส้นเลือด ค่าบริการโลหิตและส่วนประกอบของโลหิต รวมค่าใช้จ่ายในการแยก จัดเตรียมและวิเคราะห์เพื่อการให้โลหิต หรือส่วนประกอบของโลหิต
– ค่าตรวจทางห้องปฏิบัติการ และพยาธิวิทยา ค่าตรวจวินิจฉัยทางรังสีวิทยา ค่าตรวจวินิจฉัยโดยวิธีพิเศษอื่นๆ รวมถึงค่าแพทย์อ่านผล
– ค่าใช้จ่ายในการใช้หรือให้บริการ อุปกรณ์ของใช้และเครื่องมือทางการแพทย์ นอกห้องผ่าตัด
– วัสดุสิ้นเปลืองทางการแพทย์ (เวชภัณฑ์1) ค่าวัสดุหรืออุปกรณ์ที่ใส่ติดตัวภายในตัวผู้ป่วย (เวชภัณฑ์3)
ยกเว้น
เครื่องกระตุ้นหัวใจ Defibrillator หรือ Pacemaker หรืออวัยวะเทียมภายนอกร่างกาย กายอุปกรณ์ อุปกรณ์เทียม เครื่องมือทางการแพทย์ และเวชภัณฑ์คงทน
– ค่ายากลับบ้าน ตามความจำเป็นทางการแพทย์ไม่เกินกว่า 7 วัน ทั้งนี้ไม่เกินกว่า 1,000 บาท ต่อการเข้าพักรักษาในโรงพยาบาลแต่ละครั้ง
8. ค่าตรวจวินิจฉัยทางรังสีวิทยาและการตรวจทางห้องปฏิบัติการผู้ป่วยนอก
บริษัทจะจ่ายผลประโยชน์ค่าตรวจวินิจฉัยทางรังสีวิทยา และการตรวจทางห้องปฏิบัติการผู้ป่วยนอก การกระทำดังกล่าวเกิดขึ้นภายใน 30 วันก่อนหรือหลังการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล
.

รายละเอียดความคุ้มครอง

รักษาหายห่วงไม่ต้องสำรองจ่ายสบายกระเป๋า

ขอข้อมูลเพิ่ม กดที่นี่

รวมแผนประกันเหมาจ่าย ตัว Top Best Seller

ขอข้อมูลเพิ่ม กดที่นี่

แผน care plus มะเร็ง ไต แบบ  OPD ตัว Top Best Seller

ขอข้อมูลเพิ่ม กดที่นี่

ช่องทางชำระเงิน
1.
โอนผ่าน QR CODE หรือ ชำระช่องทุกธนาคาร
2.
แคชเชียร์เช็ค เช็ค
3.
บัครเครดิตทุกธนาคาร ทั้งระบบ Online และ OFF Line
4.
เงินสดพร้อมเอกสารรับเงิน

บวรธีรักษ์ บรรณบวรพงษ์
ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายขาย  บริษัทเมืองไทยประกันชีวิต จำกัด(มหาชน)
วิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
FChFP – Fellow Chartered Financial Practitioner
คุณวุฒิทางวิชาชีพสำหรับมืออาชีพ ด้านบริการทางการเงิน
MDRT
คือ สมาคมของที่ปรึกษาทางการเงินนานาชาติ
ประสบการทำงาน20ปี
MASTER TRAINER
ฝ่ายขาย

  • Your Content Goes Here

Get a personal consultation

We will take care of your accounting and administrative services.

Add Line หาเรา
(081) 930 4184

Continue Reading