
สัญญาเพิ่มเติม การประกันภัยสุขภาพแบบแยกค่าใช้จ่าย (Hospital and Surgical Benefit Health Rider) ของ เมืองไทยประกันชีวิต เป็นรูปแบบประกันสุขภาพดั้งเดิม (Traditional Health Insurance) ที่ยังได้รับความนิยม โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการเบี้ยประกันที่เข้าถึงง่าย
ประกันสุขภาพแยกค่าใช้จ่าย เมืองไทยประกันชีวิต ทางเลือก เบี้ยถูก คุ้มครองผู้ป่วยใน IPD ครบตามหมวด
- ประกันสุขภาพแยกค่าใช้จ่าย เมืองไทยประกันชีวิต
- ประกัน IPD แยกค่าใช้จ่าย, เบี้ยถูก, ประกันสุขภาพดั้งเดิม, ค่าห้องต่อวัน, ไม่ต้องสำรองจ่าย
1. ข้อมูลโดยละเอียด
สัญญาเพิ่มเติมการประกันภัยสุขภาพแบบแยกค่าใช้จ่าย เป็นสัญญาเพิ่มเติมที่ให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลกรณีเป็นผู้ป่วยใน (IPD) โดยมีการกำหนดวงเงินสูงสุดสำหรับค่าใช้จ่ายในแต่ละหมวดไว้อย่างชัดเจน (ไม่เหมือนแบบเหมาจ่ายที่ให้วงเงินรวมก้อนเดียว)
| หมวดค่าใช้จ่ายหลัก (ตัวอย่าง แผน 5,000 บาท) | วงเงินสูงสุดที่เบิกได้ (ต่อการเข้าพักรักษาตัวครั้งใดครั้งหนึ่ง) |
| ค่าห้อง ค่าอาหาร ค่าบริการพยาบาลประจำวัน | สูงสุด 5,000 บาท/วัน (สูงสุด 120 วัน/ครั้ง) |
| ค่าห้อง ICU | 2 เท่าของค่าห้องปกติ (สูงสุด 7 วัน) |
| ค่าแพทย์ผ่าตัด และหัตถการ | สูงสุด 100,000 บาท (ตามตารางผ่าตัด) |
| ค่าแพทย์ตรวจรักษาในโรงพยาบาล | มีวงเงินต่อวัน (ขึ้นอยู่กับแผน) |
| ค่ารักษาพยาบาลทั่วไป (ค่ายา, เวชภัณฑ์, ห้องปฏิบัติการ ฯลฯ) | มีวงเงินรวมตามที่กำหนด |
| ค่ารักษาพยาบาลฉุกเฉิน (ผู้ป่วยนอกเนื่องจากอุบัติเหตุ) | มีความคุ้มครอง (ตามเงื่อนไขกรมธรรม์) |
| อายุรับประกัน | ประมาณ 6 ปี (ต่ออายุได้ถึง 80 ปี หรือ 81 ปี แล้วแต่แผน) |
| การเคลม | มีบริการ ไม่ต้องสำรองจ่าย (Cashless) ณ โรงพยาบาลคู่สัญญา |
| เงื่อนไขสำคัญ | เป็นสัญญาเพิ่มเติม ต้องแนบกับกรมธรรม์ประกันชีวิตหลัก |
2. จุดเด่นของแบบประกัน
- เบี้ยถูก เข้าถึงง่าย: เป็นแบบ ประกันสุขภาพดั้งเดิม ทำให้เบี้ยประกันภัยเริ่มต้นไม่สูงมากนัก เหมาะสำหรับผู้ที่มีงบประมาณจำกัด หรือเพิ่งเริ่มต้นทำประกันสุขภาพ
- กำหนดค่าห้องได้ตามต้องการ: สามารถเลือกวงเงิน ค่าห้องต่อวัน ได้ตามงบประมาณและโรงพยาบาลที่คาดว่าจะเข้ารับการรักษา
- ครอบคลุม IPD เป็นหลัก: คุ้มครองค่าใช้จ่ายผู้ป่วยในครบตามหมวดสำคัญ (ค่าห้อง, ค่าแพทย์, ค่าผ่าตัด)
- ความสะดวกในการเคลม: มีบริการ ไม่ต้องสำรองจ่าย สำหรับค่าใช้จ่ายผู้ป่วยใน ณ โรงพยาบาลคู่สัญญา
3. ทำไมถึงควรเลือกแบบค่ารักษาตัวนี้
- เน้นความคุ้มครอง IPD ในราคาประหยัด: หากคุณมีสวัสดิการ OPD จากที่ทำงานอยู่แล้ว และต้องการเพียงความคุ้มครอง IPD แยกค่าใช้จ่าย เพื่อรองรับค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่เมื่อต้องนอนโรงพยาบาลเท่านั้น แบบแยกค่าใช้จ่ายจะตอบโจทย์เรื่องเบี้ยที่ เบี้ยถูก กว่าแบบเหมาจ่ายมาก
- มีสวัสดิการอื่นรองรับส่วนต่าง: เหมาะสำหรับผู้ที่มีประกันกลุ่มที่มีวงเงินสูงพอสมควร หรือมีสิทธิพื้นฐาน (เช่น ประกันสังคม) และต้องการ ประกันสุขภาพแยกค่าใช้จ่าย เมืองไทยประกันชีวิต เป็นส่วนเสริม (Top-up) สำหรับค่าห้องและค่ารักษาพื้นฐาน
- วางแผนงบประมาณได้ชัดเจน: เนื่องจากวงเงินถูกแยกตามหมวด ทำให้ผู้ซื้อสามารถประเมินค่าใช้จ่ายสูงสุดที่บริษัทจะจ่ายในแต่ละรายการได้อย่างชัดเจน
4. เหมาะกับใคร กลุ่มเป้าหมายคือใคร
- ผู้ที่มีงบประมาณจำกัด: และต้องการความคุ้มครอง IPD เป็นหลัก โดยยอมรับได้ว่าอาจมีค่าใช้จ่ายส่วนเกินเกิดขึ้นหากค่ารักษาพยาบาลสูงกว่าวงเงินที่กำหนดในแต่ละหมวด
- มนุษย์เงินเดือนที่มีสวัสดิการพื้นฐาน: ต้องการ ประกันสุขภาพดั้งเดิม ที่ เบี้ยถูก เพื่อเป็นแผนสำรองหรือแผนเสริมจากสวัสดิการบริษัทที่มีวงเงินต่ำ
- ผู้ที่ต้องการเลือกค่าห้องเอง: ต้องการกำหนดวงเงิน ค่าห้องต่อวัน ให้เหมาะสมกับโรงพยาบาลใกล้บ้านหรือโรงพยาบาลที่สะดวกเข้ารับการรักษา
5. มีประกันอื่นอยู่แล้ว ทำไมควรมีแบบ แยกค่าใช้จ่าย อีก 1 ฉบับ
- เสริมความคุ้มครอง IPD หลัก:
- มีประกันกลุ่ม/สวัสดิการ: สวัสดิการบริษัทมักมีวงเงินจำกัด การมี ประกัน IPD แยกค่าใช้จ่าย เป็นการเพิ่มวงเงิน ค่าห้องต่อวัน และค่ารักษาสำคัญ ๆ เช่น ค่าผ่าตัด ให้สูงขึ้นโดยใช้เบี้ยไม่แพง
- มีประกันออมทรัพย์/ลดหย่อนภาษี (แบบไม่มีสุขภาพ): การซื้อสัญญาเพิ่มเติมสุขภาพแบบแยกค่าใช้จ่ายแนบเข้าไป จะทำให้กรมธรรม์นั้นมีฟังก์ชันคุ้มครองสุขภาพ IPD และสามารถนำเบี้ยส่วนสุขภาพไป ลดหย่อนภาษี ได้อีกด้วย
- ทางเลือกเมื่อทำเหมาจ่ายไม่ได้: ในบางกรณีที่ผู้ขอเอาประกันภัยมีประวัติสุขภาพที่ไม่ดีนัก การซื้อ ประกันสุขภาพแยกค่าใช้จ่าย เมืองไทยประกันชีวิต อาจเป็นทางเลือกที่บริษัทพิจารณาได้ง่ายกว่าแบบเหมาจ่ายวงเงินสูง
6. ความเห็น/Feedback ของลูกค้า
ลูกค้าที่ใช้ ประกันสุขภาพแยกค่าใช้จ่าย ของ เมืองไทยประกันชีวิต มักแสดงความคิดเห็นในประเด็น:
- ความประทับใจ:
- เบี้ยถูก: ส่วนใหญ่พอใจที่เบี้ยประกันไม่สูงมาก ทำให้สามารถทำประกันสุขภาพไว้ได้โดยไม่เป็นภาระทางการเงิน
- เคลมง่ายสำหรับเคสที่ไม่หนัก: ในการเจ็บป่วยที่ค่าใช้จ่ายไม่เกินวงเงินที่กำหนดในแต่ละหมวด จะเคลมได้ง่ายและมีการบริการ ไม่ต้องสำรองจ่าย ที่ดี
- ข้อควรพิจารณา:
- กังวลเรื่องส่วนเกิน: บางรายมีความกังวลเมื่อต้องเข้ารับการรักษาพยาบาลที่ซับซ้อนและมีค่าใช้จ่ายสูงมาก เพราะอาจต้องจ่ายค่าส่วนเกิน (Excess Payment) ที่เกินกว่าวงเงินในแต่ละหมวดเอง




จากภาพนี้ลงไปจะเป็นข้อมูลรุ่นเดิมปัจจุบันปิดการขายแล้ว ข้อมูลลงไว้สำหรับลูกค้าที่มีแผนสุขภาพรุ่นนี้
รุ่นเดิมก่อนปี 2564 สัญญาเพิ่มเติมการประกันภัยสุขภาพแบบแยกค่าใช้จ่าย และแบบวีไอพี

สัญญาเพิ่มเติมการประกันภัยสุขภาพแบบแยกค่าใช้จ่าย และแบบวีไอพี
บาดเจ็บหรือเจ็บป่วยก็สบาย รับมือง่าย ไม่ต้องสำรองจ่าย
บริหารค่าใช้จ่ายการรักษาในโรงพยาบาล ด้วยสวัสดิการแยกค่าใช้จ่าย เบี้ยถูก เสริมเพิ่มเติมจากสวัสดิการที่มีอยู่ เดิม มีมากดีกว่ามีน้อย มีน้อยดีกว่าไม่มี เกิดเหตุไม่คาดฝันเข้ารับการรักษา จะได้มีทางเลือกใช้บริการ และไม่กระทบกับเงินเก็บในกระเป๋า
จุดเด่น
รับค่าห้อง ค่าอาหาร ค่าบริการพยาบาล สูงสุดถึง 5,000 บาทต่อวัน (120วัน/ ครั้ง)
รับค่าแพทย์ผ่าตัด สูงสุดถึง 100,000 บาท*
ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลฉุกเฉิน สำหรับผู้ป่วยนอกเนื่องจากอุบัติเหตุ
(ตัวอย่างแบบแยกค่าใช้จ่าย แบบ 5,000)
1. ค่าห้อง ค่าอาหาร ค่าบริการพยาบาลประจำวันต่อวัน / (ไอ.ซี.ยู.) จะเป็น 2 เท่า โดยจะจ่ายให้สูงสุดไม่เกิน 7 วัน
2. ค่าแพทย์ตรวจรักษาในโรงพยาบาล
3. ค่าแพทย์ผ่าตัดและหัตถการ
4. ค่าแพทย์วิสัญญี
5. ค่าห้องผ่าตัดและอุปกรณ์ในห้องผ่าตัด
6. ค่ารักษาพยาบาลฉุกเฉินขณะเป็นผู้ป่วยนอก (เนื่องจากอุบัติเหตุ) ภายใน 24 ชั่วโมงนับจากเวลาที่เกิดอุบัติเหตุ
7. ค่ารักษาพยาบาลอื่นๆ
– ค่ายาและสารอาหารทางเส้นเลือด ค่าบริการโลหิตและส่วนประกอบของโลหิต รวมค่าใช้จ่ายในการแยก จัดเตรียมและวิเคราะห์เพื่อการให้โลหิต หรือส่วนประกอบของโลหิต
– ค่าตรวจทางห้องปฏิบัติการ และพยาธิวิทยา ค่าตรวจวินิจฉัยทางรังสีวิทยา ค่าตรวจวินิจฉัยโดยวิธีพิเศษอื่นๆ รวมถึงค่าแพทย์อ่านผล
– ค่าใช้จ่ายในการใช้หรือให้บริการ อุปกรณ์ของใช้และเครื่องมือทางการแพทย์ นอกห้องผ่าตัด
– วัสดุสิ้นเปลืองทางการแพทย์ (เวชภัณฑ์1) ค่าวัสดุหรืออุปกรณ์ที่ใส่ติดตัวภายในตัวผู้ป่วย (เวชภัณฑ์3)
ยกเว้น
เครื่องกระตุ้นหัวใจ Defibrillator หรือ Pacemaker หรืออวัยวะเทียมภายนอกร่างกาย กายอุปกรณ์ อุปกรณ์เทียม เครื่องมือทางการแพทย์ และเวชภัณฑ์คงทน
– ค่ายากลับบ้าน ตามความจำเป็นทางการแพทย์ไม่เกินกว่า 7 วัน ทั้งนี้ไม่เกินกว่า 1,000 บาท ต่อการเข้าพักรักษาในโรงพยาบาลแต่ละครั้ง
8. ค่าตรวจวินิจฉัยทางรังสีวิทยาและการตรวจทางห้องปฏิบัติการผู้ป่วยนอก
บริษัทจะจ่ายผลประโยชน์ค่าตรวจวินิจฉัยทางรังสีวิทยา และการตรวจทางห้องปฏิบัติการผู้ป่วยนอก การกระทำดังกล่าวเกิดขึ้นภายใน 30 วันก่อนหรือหลังการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล
.

รายละเอียดความคุ้มครอง



รักษาหายห่วงไม่ต้องสำรองจ่ายสบายกระเป๋า

ช่องทางชำระเงิน
1.โอนผ่าน QR CODE หรือ ชำระช่องทุกธนาคาร
2.แคชเชียร์เช็ค เช็ค
3.บัครเครดิตทุกธนาคาร ทั้งระบบ Online และ OFF Line
4.เงินสดพร้อมเอกสารรับเงิน
บวรธีรักษ์ บรรณบวรพงษ์
ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายขาย บริษัทเมืองไทยประกันชีวิต จำกัด(มหาชน)
วิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
FChFP – Fellow Chartered Financial Practitioner
คุณวุฒิทางวิชาชีพสำหรับมืออาชีพ ด้านบริการทางการเงิน
MDRT คือ สมาคมของที่ปรึกษาทางการเงินนานาชาติ
ประสบการทำงาน20ปี
MASTER TRAINERฝ่ายขาย
- Your Content Goes Here












