อัปเดต! ร่วมจ่ายค่ายา สิทธิ์ข้าราชการ 1 พ.ย. 68: สรุปรายละเอียด ผลกระทบ และวิธีรับมือยาแพง | กรมบัญชีกลาง



สรุปประเด็นร้อน! “ร่วมจ่ายค่ายา” สิทธิ์ข้าราชการ เริ่ม 1 พ.ย. 68
การประกาศปรับปรุงเกณฑ์การเบิกจ่าย ค่ายารักษาโรคค่าใช้จ่ายสูง สำหรับผู้ป่วยที่ใช้ สิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ โดยกรมบัญชีกลาง ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2568 เป็นประเด็นสำคัญที่ข้าราชการและครอบครัวควรติดตามอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในกลุ่ม ยามะเร็ง และยาโรคโลหิตวิทยา ซึ่งเป็นยาที่มีราคาสูง
1. รายละเอียดโดยสรุป: ร่วมจ่ายค่ายา สิทธิข้าราชการ
กรมบัญชีกลางได้กำหนด อัตราเบิกจ่าย ใหม่สำหรับ ยารักษาโรคค่าใช้จ่ายสูง บางรายการ โดยเฉพาะในกลุ่ม ยามะเร็ง และยาโลหิตวิทยา (รวมกว่า 31 รายการ) โดยมีหลักการสำคัญดังนี้:
- กำหนดอัตราเบิกจ่ายจำกัด (Co-payment): ยาบางรายการจะถูกกำหนดเพดานการเบิกจ่ายไว้ หากราคายาที่โรงพยาบาลจัดซื้อสูงกว่าอัตราที่กำหนด ผู้ป่วย สิทธิข้าราชการ หรือผู้มีสิทธิจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบจ่าย “ส่วนต่าง” ของค่ายานั้นเอง ซึ่งเป็นที่มาของการ “ร่วมจ่าย”
- ครอบคลุมยาต้นแบบ (Original Drug) และยาชื่อสามัญ/ยาชีววัตถุคล้ายคลึง (Biosimilar): การกำหนดอัตราเบิกจ่ายนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้มีการใช้ยาชื่อสามัญ หรือ ยาชีววัตถุคล้ายคลึง ที่มีคุณภาพมาตรฐานเทียบเท่ายาต้นแบบ แต่มีราคาย่อมเยากว่า ซึ่งคาดว่าหากผู้ป่วยเลือกใช้ยากลุ่มนี้ จะไม่ต้อง ร่วมจ่ายค่ายา หรือจ่ายน้อยลง
- วัตถุประสงค์: เพื่อให้ระบบสวัสดิการรักษาพยาบาลของ ข้าราชการ ดำรงอยู่ได้อย่างยั่งยืน และมีการใช้ยาที่เหมาะสมกับข้อบ่งชี้ทางการแพทย์และคุ้มค่า
2. จุดที่มีผลกระทบกับผู้เกี่ยวข้องและผู้ป่วยที่ใช้สิทธิ์
ผลกระทบหลักๆ มุ่งเน้นไปที่ภาระทางการเงินและทางเลือกในการรักษาของผู้ป่วย สิทธิข้าราชการ ที่ต้องใช้ยาที่มีค่าใช้จ่ายสูง
- ภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นสำหรับผู้ป่วย: ผู้ป่วยที่จำเป็นต้องใช้ ยาต้นแบบ ที่มีราคาแพงและมีส่วนเกินอัตราที่กำหนด จะต้องรับภาระในการ ร่วมจ่ายค่ายา ส่วนเกินนี้ ซึ่งอาจเป็นจำนวนเงินที่สูงมาก โดยเฉพาะในกรณีของ ยามะเร็ง และโรคเรื้อรังที่ต้องใช้ยาต่อเนื่อง
- การเข้าถึงยา: ผู้ป่วยบางรายอาจจำเป็นต้องเปลี่ยนไปใช้ ยาชื่อสามัญ หรือ ยาชีววัตถุคล้ายคลึง ตามอัตราที่เบิกได้ เพื่อหลีกเลี่ยงภาระการร่วมจ่าย ทำให้ต้องมีการปรึกษาแพทย์อย่างละเอียดเกี่ยวกับประสิทธิภาพและความเหมาะสมของการรักษา
- การทำงานของโรงพยาบาล: โรงพยาบาลจะต้องปรับระบบการบริหารจัดการยา โดยเฉพาะยาในกลุ่มที่มีอัตราเบิกจ่ายจำกัด เพื่อสื่อสารและบริหารจัดการส่วนต่างของ ค่ายา กับผู้ป่วย สิทธิข้าราชการ อย่างชัดเจน
3. การเตรียมรับมือและหาทางออก
การวางแผนเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ป่วย สิทธิข้าราชการ เพื่อให้ยังคงเข้าถึงการรักษาที่มีประสิทธิภาพและลดภาระค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้น:
- ปรึกษาแพทย์: สิ่งแรกที่ควรทำคือปรึกษาแพทย์ผู้รักษาเกี่ยวกับตัวยาที่ใช้ ว่าจัดอยู่ในรายการที่ต้อง ร่วมจ่ายค่ายา หรือไม่ หากใช่ ควรหารือถึงทางเลือกในการใช้ ยาชื่อสามัญ หรือ ยาชีววัตถุคล้ายคลึง ที่มีผลการรักษาเทียบเท่า
- ตรวจสอบสิทธิและอัตราเบิกจ่าย: ผู้มีสิทธิควรติดตามประกาศของ กรมบัญชีกลาง และสอบถามข้อมูลรายละเอียด อัตราเบิกจ่าย ของยาที่ใช้อยู่จากโรงพยาบาลอย่างสม่ำเสมอ เพื่อประเมินค่าใช้จ่ายส่วนเกินที่อาจต้องรับผิดชอบ
- วางแผนการเงิน/ประกันสุขภาพ: พิจารณาการวางแผนทางการเงินเพิ่มเติม เช่น ประกันสุขภาพ หรือ ประกันโรคร้ายแรง ที่ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลและค่าส่วนเกิน ค่ายา ที่ไม่สามารถเบิกจาก สิทธิข้าราชการ ได้
- ติดตามข่าวสาร: ติดตามความคืบหน้าและการชี้แจงจาก กรมบัญชีกลาง อย่างต่อเนื่องเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง
การปรับเปลี่ยนครั้งนี้ไม่ได้เป็นการยกเลิก สิทธิข้าราชการ แต่เป็นการปรับปรุงระบบเพื่อให้สวัสดิการมีความยั่งยืน โดยยังคงให้ผู้ป่วยเข้าถึงยาที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน
คุณสามารถรับชมวิดีโอเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนสิทธิเบิกค่ายาข้าราชการได้จากวิดีโอนี้: หมดยุค “สิทธิ์เบิกค่ายา 100%” ของข้าราชการ ! ยาโรคร้ายบางรายการต้องร่วมจ่าย เริ่ม 1 พ.ย. นี้
z
z
ช่องทางชำระเงิน
1.โอนผ่าน QR CODE หรือ ชำระช่องทุกธนาคาร
2.แคชเชียร์เช็ค เช็ค
3.บัครเครดิตทุกธนาคาร ทั้งระบบ Online และ OFF Line
4.เงินสดพร้อมเอกสารรับเงิน
บวรธีรักษ์ บรรณบวรพงษ์
วิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
FChFP – Fellow Chartered Financial Practitioner
คุณวุฒิทางวิชาชีพสำหรับมืออาชีพ ด้านบริการทางการเงิน
MDRT คือ สมาคมของที่ปรึกษาทางการเงินนานาชาติ
ประสบการทำงานกว่า 20ปี



